วันอังคารที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2557

STEM Education เพื่อการพัฒนาศักยภาพของนักเรียนในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6

     




          การจัดการศึกษาในปัจจุบันนี้จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม   ทั้งนี้เนื่องจากมีหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนไทยส่วนใหญ่ในวิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ที่ยังไม่เป็นที่น่าพอใจซึ่งดูได้จากผลการสอบ O-NET,  PISA  เป็นต้น  การที่นักเรียนยังขาดทักษะการคิดวิเคราะห์ การเชื่อมโยง ประสบการณ์จากการเรียนรู้มาใช้แก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน แม้ว่าความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี จะทำให้ผู้เรียนส่วนใหญ่สามารถเข้าถึงมวลความรู้อย่างสะดวกสบายและรวดเร็วทาง  internet  แต่ผลที่พบคือผู้เรียนขาดการคิดวิเคราะห์ในการนำมวลความรู้ดังกล่าวมาประยุกต์ใช้ทำให้เกิดปัญหาดังกล่าวมา งานวิจัยที่ข้าพเจ้าจะศึกษาคือการนำการจัดการเรียนการสอนแบบสะเต็มศึกษา(STEM Education) มาช่วยในการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยีมาช่วยในการสอนนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี

          ปัญหาที่ข้าพเจ้าพบในการสอนโครงงานวิทยาศาสตร์ (P.B.L)  ให้นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี   คือนักเรียนยังขาดทักษะในการทำงานกลุ่ม ขาดการทักษะการแบ่งงานขาด การคิดทักษะการคิด วิเคราะห์และเชื่อมโยงประสบการณ์เดิมของตนกับปัญหาที่พบ ทั้งนี้เนื่องมาจากเวลาในการทำงานร่วมกันของผู้เรียนและผู้สอนน้อย ขาดความต่อเนื่องในการทำงาน  ผู้เรียนไม่มีอิสระในการหาแนวคิดใหม่ๆ ขาดทักษะการนำเสนอผลงานต่อสาธารณะชน เนื่องจากปัจจัยที่กล่าวมา ดังนั้นข้าพเจ้าจึงนำ Edmodo มาประยุกต์ใช้ในการสอน แบบSTEM Education โดยเน้นการสอนแบบโครงงานวิทยาศาสตร์ให้กับนักเรียนเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว



บรรณานุกรม
มนตรี  จุฬาวัฒนทล  (2556, มกราคม-ธันวาคม).  การศึกษาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมและ   คณิตศาสตร์หรือ"สเต็มศึกษา".  สมาคมครูวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี แห่ง ประเทศไทย.19 ;/3-19

วันจันทร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2557

อิทธิพลของสื่อเทคโนโลยีมีผลต่อการสื่อสารและการศึกษาอย่างไร







               Education ในภาษาอังกฤษ มีรากศัพท์มาจากภาษาละตินว่า Educare แปลว่า บำรุง เลี้ยง อบรม รักษา ทำให้งอกงาม หรืออีกนัยหนึ่ง Educare หมายถึง การอบรมเด็กทั้ง ทางกายและทางสมอง ส่วนคำว่าการศึกษาในภาษาไทยนั้น เป็นคำมาจากภาษาสันสกฤต ตรงกับภาษาบาลีว่า สิกขา พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ให้ความหมายว่า การเล่าเรียน ฝึกฝน และอบรม ส่วนจอห์น ดิวอี้ (John Dewey. 1961 : 112) ได้ให้ความหมายของการศึกษาไว้ดังนี้
1.การศึกษา คือชีวิต ไม่ใช่การเตรียมตัวเพื่อชีวิต
2.การศึกษา คือความเจริญงอกงาม
3.การศึกษา คือกระบวนการทางสังคม
4. การศึกษา คือ การสร้างประสบการณ์แก่ชีวิต

               ดังนั้นจะเห็นได้ว่าการศึกษา คือกระบวนการทางสังคมที่เสริมสร้างเด็ก  เยาวชน และบุคคลให้มีประสบการณ์โดยการฝึกฝนเล่าเรียน ในสมัยก่อนการเรียนการสอน อาจจะไม่มีความซับซ้อนมากนักเนื่องจากเนื้อหาในรายวิชาต่างๆไม่มากมายอย่างเช่นในปัจจุบัน  การถ่ายทอดความรู้สู่ตัวผู้เรียนส่วนใหญ่มาจากผู้สอนโดยตรง หรือจากการค้นคว้าหาความรู้จากหนังสือ ตำราจากห้องสมุด ครูผู้สอนมีบทบาทสำคัญในการถ่ายทอดความรู้  ผู้เรียนจึงรับความรู้ต่างโดยการป้อนจากผู้สอนโดยตรงจึงเกิดเป็นวัฏจักรการเรียน เพื่อจำ  จำเพื่อสอบ  สอบเพื่อจบ จบแล้วลืม ผลลัพธ์สุดท้ายของการเรียนคือ  “นักเรียน เรียนไปเพื่อ ?”  เพราะผู้เรียนไม่ถูกสอนให้รู้จักการคิด วิเคราะห์ สังเคราะห์ปัญหาโดยใช้เหตุผล และประสบการณ์ที่ผู้เรียนมีในการแก้ปัญหา ผู้เรียนถูกสอนมาให้เรียนให้ได้มากที่สุดเพื่อจะได้ทำข้อสอบให้ได้มากที่สุดเพื่อจะได้เกรด 4 เมื่อมีการประเมินผล  แต่เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนแปลงไปความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีต่างๆทำให้ผู้เรียน  และทุกๆคนสามารถเข้าถึงฐานความรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา ไม่ว่าจะห่างไกลซักแค่ไหนเพียงใช้อินเตอร์เน็ต ทุกสิ่งที่คุณอยากรู้ก็จะมาอยู่ตรงหน้า   ดังนั้นเมื่อความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในสังคม  ทำให้แนวโน้มในการจัดการศึกษาในยุคใหม่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปเพื่อให้เข้ากับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี จึงได้มีการวางเป้าหมายในการศึกษา ว่า "ทักษะของคนในศตวรรษที่ 21 คือการเรียนรู้แบบ 3Rx7C หมายถึงการที่คนทุกคนต้องเรียนรู้ตั้งแต่ชั้นอนุบาลไปจนถึงมหาวิทยาลัย และตลอดชีวิต" (วิจารณ์ พานิช. 2555 : 38)



21st Century Learning Framework
 21st Century Knowledge-and-Skills Rainbow


(http://www.schoollibrarymonthly.com/article/img/Trilling-Figure1.jpg)



การเรียนรู้แบบ 3Rx7C

 3
R ได้แก่
    -  Reading (อ่านออก) 
    -  (W)Riting (เขียนได้) 
    -  (A)Rithmetics (คิดเลขเป็น)

7
C ได้แก่
    -  
Critical thinking & problem solving 
(ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการแก้ปัญหา)
    -  Creativity & innovation (ทักษะการสร้างสรรค์และนวัตกรรม)
    -  
Cross-cultural understanding (ทักษะการเข้าใจความต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์)
    -  
Collaboration,teamwork & leadership (ทักษะความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะผู้นำ)
    -  
Communications,information & media literacy (ทักษะการสื่อสาร สารสนเทศ และรู้เท่าทันสื่อ)
    -  
Computing & ICT literacy (ทักษะความพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร)
    -  
Career & learning skills (ทักษะอาชีพ และทักษะการเรียนรู้)
(วิถีสร้างการเรียนรู้เพื่อศิษย์ ในศตวรรษที่ 21 วิจารณ์ พานิช)


  

                จากความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีดังที่กล่าวมาทำให้การศึกษาในยุคปัจจุบันมีการนำคอมพิวเตอร์และเครื่องมือต่างๆไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต โปรแกรมต่าง  สื่อ  นวัตกรรมการเรียนการสอนใหม่ๆ มาช่วยทำให้ผู้เรียนถูกกระตุ้นความต้องการอยากเรียนรู้ โดยกระบวนการเรียนรู้ที่ทำให้ผู้เรียนเกิดประสบการณ์  การเรียนรู้ด้วยตนเอง การเข้าถึงแหล่งข้อมูล ฐานความรู้ที่มากมาย เราจะเห็นได้จาการที่สถานศึกษาหลายแห่งนำเทคโนโลยีมาใช้ร่วมกับการเรียนการสอน  เช่น Blogger, Facebook, Edmodo, Google App หรือ Youtube  มาช่วยในการสอนมากขึ้น สังเกตได้จาก เมื่อครั้งที่ประเทศไทยประสบปัญหาอุทกภัยครั้งใหญ่ในปี 2554 ทำให้โรงเรียนหลายแห่งต้องปิดการเรียนการสอนทำให้เรียนไม่ทัน นวัตกรรมดังกล่าวสามารถช่วยเติมเต็มการเรียนการสอนให้สมบูรณ์มากขึ้นแม้จะมีปัญหาในการที่ไม่มีการเรียนการสอนในห้องเรียนตามปกติ



    
               ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นปัจจัยทางบวกจากความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีต่อการศึกษาแต่อย่างที่เราทราบกันดีเมื่อมีปัจจัยทางบวกก็ย่อมมีปัจจัยทางลบ ซึ่งได้แก่การที่ผู้เรียนสามารถพบสื่อจากเทคโนโลยีต่างมากมายทั้งที่มีประโยชน์ต่อตัวผู้เรียนและเกิดโทษกับผู้เรียนเช่นทำให้เกิดการเลียนแบบพฤติกรรมทีไม่เหมาะสม  การใช้ภาษาที่ผิด ปัญหาเด็กติดเกมส์   ปัญหาการล่อลวงต่างๆผ่านทางสังคมออนไลน์ตามที่มักจะอ่านเจอทางสื่อต่างๆ   เด็กมีโลกส่วนตัวของตน ขาดปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่น ทุกคนจะรู้จักเค้าผ่านทางสังคมออนไลน์   ทำให้เกิดปัญหาสังคมก้มหน้าใน ปัจจุบันสิ่งเหล่านี้เป็นผลมาจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ทำให้การศึกษาเกิดความล้มเหลว ดังนั้นก็คงกลับมาที่วิธีการแก้ปัญหาดังกล่าว ครูถือผู้ที่เป็นกุญแจสำคัญในการแก้ปัญหานี้เพราะในปัจจุบันครูไม่ใช่แค่ผู้ถ่ายทอดความรู้ เพราะผู้เรียนสามารถเสาะแสวงหาความรู้ได้จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี แต่ครูจะต้องเติมเต็มให้ผู้เรียนรู้จัก ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ทั้งกาย  ทางจิตใจ  รู้จักหาความรู้จากฐานความรู้ต่างๆ รู้จักวิเคราะห์ สังเคราะห์ แก้ปัญหา โดยใช้แหล่งข้อมูลต่างๆรวมกับประสบการณ์ที่ตนมีอย่างมีเหตุผลเพื่อให้ผู้เรียนดำรงชีวิตในสังคมได้ตามปกติสุข




Reference

http://chaianan1.wikispaces.com    สืบค้นเมื่อวันที่ 8 ก.ย. 57
http://www.preeyadaedu.com/?p=650  สืบค้นเมื่อวันที่ 14 ก.ย. 57
http://jularatbureerat.blogspot.com/2012/07/blog-post_20.html  สืบค้นเมื่อวันที่ 14 ก.ย. 57
http://www.oknation.net/blog/aroundthecorner/2013/05/11/entry-1 สืบค้นเมื่อวันที่ 14 ก.ย. 57

บรรณานุกรม
วิจารณ์ พานิช.  (2555).  วิถึการสร้างการเรียนรู้เพื่อศิษย์ในศตวรรษที่ 21.กรุงเทพฯ:  ตถาตา 
           พับลิเคชั่น.  

วันพุธที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2557

Edmodo นวัตกรรมการศึกษา






               Edmodo  คือ เครือข่ายสังคมออนไลน์ที่มีลักษณะการทำงานคล้ายกับFace book ที่สามารถใช้ในการติดต่อสื่อสาร ทำงานร่วมกัน แบ่งปันเนื้อหาและแจ้งข่าวสารเฉพาะในกลุ่มที่จัดตั้งขึ้น แต่เป้าหมายสำคัญของ Edmodo นั้นจะแตกต่างจาก Face book  คือ  Edmodo นั้นจะสร้างขึ้นเพื่อช่วยในการจัดการเรียนการสอน ของนักเรียนและครูได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถตอบโจทย์ในข้อจำกัดของเวลาในชั้นเรียน และสามารถพัฒนาศักยภาพของผู้เรียนเป็นรายบุคคลได้ตาม ความสนใจ ครูและผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์กันมากขึ้น





               Edmodo นั้นมีขั้นตอนในการเริ่มใช้งานคล้ายๆกับการสมัครสมาชิกในสังคมออนไลน์อื่นๆเพียงแต่ครูผู้สอนจะต้องสร้างชื่อกลุ่มการเรียนรู้ โดยกรอกข้อมูลในแบบฟอร์มให้ครบถ้วนเพื่อใช้ในการสร้าง Group Code เปรียบได้เหมือนบัตรผ่านที่ผู้สอน จะต้องนำมาให้ผู้เรียนเพื่อให้ผู้เรียนใช้ Group Code นี้ให้กับนักเรียนเพื่อใช้ในการกรอกข้อมูลสมัครเป็นสมาชิกใน Group  ที่ครูผู้สอนจัดขึ้น



ขั้นตอนการใช้งาน Edmodo





               การใช้ Edmodo ในการเรียนการสอนนั้น สนับสนุน ทฤษฏีการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองหรือ Constructionism  ตามความเห็นของอลัน ชอว์  (Alan Shaw ) ว่า Constructionism  เป็นการศึกษาเรียนรู้ที่เด็กสามารถเก็บความรู้ที่ได้รับไปสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองและสามารถเชื่อมโยงความรู้เดิมกับความรู้ใหม่มาเป็นองค์ความรู้ของตนเอง  นอกจากนี้ Edmodo ยังสนับสนุนกฎการเรียนรู้ของธอร์นไดด์ คือกฎแห่งความพร้อม (Low of Readiness)กฎแห่งการฝึกหัด (Law  of  Exercise)และกฎแห่งความพอใจ(Law of Effect) เพราะผู้เรียนสามารถเรียนรู้เมื่อผู้เรียนพร้อมและได้ฝึกและเรียนรู้จนพอใจ 



ตัวอย่างหน้าต่างของ Edmodo





               ข้อดีในการใช้ Edmodo มาช่วยในการเรียนการสอนนั้นได้แก่ความสะดวกสบายในการปฏิสัมพันธ์กันระหว่างผู้สอนและผู้เรียน เพราะไม่จำเป็นต้องอยู่ในช่วงเวลาเรียนเท่านั้น ผู้สอนและผู้เรียนสามารถติดต่อสื่อสาร ทำงานร่วมกัน แบ่งปันเนื้อหา ซักถาม นำเสนอผลงานของนักเรียน ผ่านทางการonline ของ Edmodo  นักเรียนไม่รู้สึกถูกบังคับในการเรียนรู้เพราะสามารถเรียนรู้ได้ตลอดเวลาที่นักเรียนพร้อมและ นักเรียนสามารถเข้าถึงการเรียนการสอนของครูได้ง่ายเพราะข้อปฏิบัติในการใช้งานจะคล้ายกับการใช้งาน Face book ที่นักเรียนคุ้นเคย  แต่สิ่งนึงที่เป็นข้อจำกัด และสำคัญมากในการใช้งานของ Edmodo คือผู้เรียนต้องทราบ Group Code ของผู้สอน และบุคคลอื่นที่ไม่ใช่สมาชิกไม่สมารถเข้าไปดูการเรียนการสอนได้




Reference
 
http://www.kruthaionline.com/index.php/edmodo  สืบค้นเมื่อวันที่ 8 ก.ย.57

https://support.edmodo.com/home#teacher สืบค้นเมื่อวันที่ 8 ก.ย.57
http://www.novabizz.com/NovaAce/Learning.htm  สืบค้นเมื่อวันที่ 8 ก.ย.57